ในโลกนี้คงจะไม่มีอะไรหนีกฎแห่งการเวลาพ้น ในวงการกีฬาก็เช่นกันมันจะต้องมีจุดเริ่มต้นชีวิตนักกีฬา ก้าวไปสู่จุดสูงสุดของเส้นทางอาชีพ และก็จะต้องมีวันที่จะต้องหยุดเล่นไปในที่สุด แม้แต่ผู้เล่นวอลเลย์บอลที่แฟนชาวไทยยกให้เป็นหนึ่งในห้าเซียนก็เช่นกัน เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องเลือกที่จะยุติเส้นทางนักตบลูกยางของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าคงจะทำให้แฟนวอลเลย์บอลไทยใจหายอยู่ไม่น้อย กับการที่จะไม่เห็นเธอบนสนามอีกต่อไป
สำหรับนักวอลเลย์บอลที่กำลังกล่าวถึงก็คือ “กัปตันกิ๊ฟ” วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ กัปตันจอมแกร่งผู้เป็นหนึ่งในคนที่ปลุกกระแสความนิยมให้กับวงการวอลเลย์บอลไทยนั่นเอง เมื่อเธอออกมาบอกแล้วว่ากำลังวางแผนจะอำลาทีมชาติไทยที่เธอเล่นมาอย่างยาวนานในเร็ว ๆ นี้ เพื่อที่จะให้เวลากับครอบครัวและสร้างครอบครัวของที่สมบูรณ์ของเธอเสียที รวมทั้งยังอยากจะเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ดาวรุ่งสายเลือดใหม่ขึ้นมาเล่นมากขึ้นอีกด้วย ทำให้เธอวางแผนจะเลิกเล่นหลังจากจบการแข่งขันคัดเลือกโอลิมปิกที่ผ่านมา และอยากจะใช้รายการเนชั่นลีกที่ไทยเราจะเป็นเจ้าภาพที่จังหวัดภูเก็ตเป็นรายการสุดท้ายเพื่ออำลาแฟนวอลเลย์บอลไทยของเธอ แต่ก็ต้องมีอันเลื่อนออกไปเพราะการระบาดของโควิด-19เสียก่อน
วิลาวัณย์ อภิญาพงศ์นั้นก้าวขึ้นมาสู่ทีมชาติไทยตั้งแต่ปี 1997 ซึ่งหากจะนับย้อนกลับไปก็เป็นเวลาถึง 23 ปีแล้วที่เธอลงเล่นรับใช้ทีมชาติไทย และเธอได้ผ่านความสำเร็จมาอย่างมากมายกับทีมชาติไทย รวมถึงการพาทีมชาติไทยก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับแถวหน้าของโลกอย่างเช่นในปัจจุบัน ร่วมกับเพื่อนร่วมทีมที่แฟนวอลเลย์บอลบ้านเราคุ้นเคยกันดีในชื่อกลุ่ม 5 เซียนคือตัวเธอ นุศรา ต้อมคำ, ปลื้มจิตร์ ถินขาว, อรอุมา สิทธิรักษ์และมลิกา กันทอง และพวกเธอนี่แหละที่เป็นผู้สร้างกระแสให้คนไทยหันมาสนใจกีฬาวอลเลย์บอลอย่างแท้จริง
ถึงแม้ว่ากัปตันกิ๊ฟนั้นจะมีอายุ 36 ปีแล้ว และไม่ได้คล่องแคล่วและหนักหน่วงเหมือนสมัยก่อน แต่การมีเธออยู่ในสนามก็สร้างความอุ่นใจให้กับแฟนชาวไทยเสมอ และสิ่งที่ลดลงไปตามวัยของเธอนั้นมันกลับถูกแทนที่ด้วยความเก๋าเกมและลูกพลิกแพลงต่าง ๆ หรือการเล่นแบบใช้สมองนั่นเอง ทำให้เธอยังคงเป็นผู้เล่นที่สร้างประโยชน์ให้กับทีมได้อยู่เสมอ ดังนั้นการหายไปจากทีมของเธอคงจะสร้างช่องว่างที่ใหญ่มากสำหรับทีมชาติไทยอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุผลหลายอย่างทั้งในเรื่องของสุขภาพและการให้เวลากับตัวเองและครอบครัว มันก็คงจะถึงเวลาที่สมควรจริง ๆ ที่กัปตันกิ๊ฟจะต้องบอกลาทีมชาติที่เธอรักเสียที เพียงแต่ยังเชื่อว่าแฟนวอลเลย์บอลไทยคงจะคิดเหมือนกันว่า ประสบการณ์และฝีมือการเล่นระดับสูงของเธอนั้น มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากให้กับพัฒนาการของนักวอลเลย์บอลรุ่นหลังที่จะขึ้นมาแทน การเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้เล่นมาเป็นโค้ชก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย แต่ไม่ว่าเธอจะเลือกแบบไหน ในฐานะแฟนวอลเลย์บอลไทยที่คอยตามเชียร์มานาน ก็อยากจะบอกว่าขอบคุณมากสำหรับช่วงเวลาแห่งความสุขที่เธอและทีมสร้างให้กับพวกเรามาอย่างยาวนาน